วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556

แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) และการเรียนรู้แบบร่วมกัน


ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือบน E-Learning
ทฤษฏีพื้นฐานของการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Murray, 1997  อ้างถึงใน อุดม, 2551) กล่าวถึงการเรียนรู้แบบร่วมมือของผู้เรียนมาจากฐานทางทฤษฎี 4 ทฤษฎีดังนี้


1.       ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม  (Social Learning Theory : Team work) วัฒนธรรมการเรียนรู้ทาง

สังคมได้นำมาใช้อย่างกว้างขวางในโรงเรียน   ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานที่นักเรียน จะทำงานหนักเพื่อรางวัล หรืออาจไม่ผ่านในการปฏิบัติงานนั้นบางทีอาจถูกลงโทษ  การทำงานเป็นกลุ่ม ความสมามารถที่แท้จริง และการศึกษาพฤติกรรมผู้อื่น   เป็นเครื่องมือของครูในการเรียนรู้แบบร่วมมือในวัฒนธรรมการเรียนรู้ทางสังคม

2.   ทฤษฎีของ Piaget (Piagetian Theory : Conflict Resolution)

3.   ทฤษฎีของ Vygotsk (Vygotskian Theory : Community Collaboration)

4.   ทฤษฎีวิทยาการปัญญา (Cognitive Science Theories : Tutoring)

ความหมายของการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning)

ราชบัณฑิตสถาน (2551) ได้ให้ความหมาย ว่า เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ยึดหลักให้ผู้เรียนช่วยกัน

เรียนรู้โดยพึ่งพากัน  มีปฏิสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดใช้ทักษะทางสังคมในการทำงานร่วมกัน มีการวิเคราะห์กระบวนการทำงานกลุ่มและมีการตรวจสอบผลการเรียนรู้เป็นรายบุคคล

วิกิพีเดีย ได้ให้ความหมายของ การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ หมายถึงการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

สำหรับผู้เรียนตั้งแต่สองคนขึ้นไปหรือโดยการแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ  ส่งเสริมให้ผู้เรียนทำกิจกรรมร่วมกัน    โดยในกลุ่มประกอบด้วยสมาชิกที่มีความสามารถแตกต่างกัน   มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มีการช่วยเหลือพึ่งพากัน มีความรับผิดชอบร่วมกัน ทั้งในส่วนตนและส่วนรวมเพื่อให้ตนเองและสมาชิกทุกคนในกลุ่มประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด ซึ่งตรงข้ามกับการเรียนที่เน้นการแข่งขันและการเรียนตามลำพัง

Blackcom (1992)  กล่าวว่า การเรียนรู้แบบร่วมมือเป็นกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จโดยผู้เรียนกลุ่ม

เล็ก ๆ ที่มีความสามารถต่างกัน  ใช้กิจกรรมการเรียนที่หลากหลาย  ในการปรับปรุงความเข้าใจในเนื้อหาวิชา สมาชิกแต่ละคนในทีมจะไม่เพียงจะต้องมีความรับผิดชอบแต่ต้องช่วยเหลือกันในกลุ่ม ซึ่งสร้างบรรยากาศของสัมฤทธิ์ผลในการเรียนอีกด้วย

ไพฑูรย์ และคณะ (2550) ได้ให้ความหมายของการเรียนรู้แบบร่วมมือว่า เป็นการเรียนรู้ที่เกิดจาก

การร่วมมือร่วมใจในการศึกษาค้นคว้าและปฏิบัติงาน  เพื่อให้บรรลุเป้าหมายซึ่งถือเป็นความสำเร็จของกลุ่ม เน้นการทำงาน คละความสามารถของสมาชิก ดังนั้นการกระทำใด ๆ ของสมาชิกย่อมมีผล กระทบต่อกลุ่มและสมาชิกคนอื่น ๆ

ทิศนา (2552)  กล่าวว่า การเรียนรู้แบบร่วมมือคือ การเรียนที่มีวัตถุประสงค์ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้

ในเรื่องที่ศึกษาอย่างมากที่สุด โดยอาศัยการร่วมมือกันช่วยเหลือกันและแลกเปลี่ยนความรู้กัน ระหว่างกลุ่มผู้เรียนด้วยกัน ความแตกต่างของรูปแบบแต่ละรูปแบบจะอยู่ที่เทคนิคในการศึกษา เนื้อหาสาระและวิธีการเสริมแรงและการให้รางวัลเป็นประการสำคัญ

***สรุป การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) เป็นวิธีการจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่ง ที่เน้นให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติงานเป็นกลุ่มย่อย  โดยมีสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถที่แตกต่างกัน เพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพการเรียนรู้ของแต่ละคน สนับสนุนให้มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  จนบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งในงานวิจัยนี้เรียก Cooperative Learning ว่า การเรียนแบบร่วมมือ

รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning)

            Johnson,  Johnson and Stann (2000)  กล่าวว่า การเรียนรู้แบบร่วมมือ ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง มีทั้งหมด 8 รูปแบบ ได้แก่

1.  รูปแบบแอลที (LT) หรือ Learning Together

2.  รูปแบบเอ.ซี. (AC) หรือ Academic Controversy

3.  รูปแบบเอส.ที.เอ.ดี (STAD) หรือ Student-Team-Achievement- Divisions

4.  รูปแบบที.จี.ที (TGT) หรือ Team-Games-Tournaments

5.  รูปแบบจี.ไอ (GI) หรือ Group Investigation

6.  รูปแบบจิ๊กซอร์ (Jigsaw)

7.  รูปแบบที.เอ.ไอ (TAI) หรือ Teams-Assisted-Individualization

8.  รูปแบบซี.ไอ.อาร์.ซี (CIRC) หรือ Cooperative Intergrated Reading and Composition

ทั้ง 8  รูปแบบ ให้ผลกระทบในด้านบวกต่อสัมฤทธ์ผลทางการเรียน  ซึ่งสอดคล้องกับ  ทิศนา

(2548)  กล่าวว่าทุกรูปแบบของการเรียนแบบร่วมมือต่างมีกระบวนการเรียนรู้ที่พึ่งพาและเกื้อกูลกัน สมาชิกกลุ่มมีการปรึกษาหารือและปฏิสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด  สมาชิกทุกคนมีบทบาทหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบและสามารถตรวจสอบได้ สมาชิกกลุ่มต้องใช้ทักษะการทำงานกลุ่มและการสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในการทำงานหรือการเรียนรู้ร่วมกัน    รวมทั้งมีการวิเคราะห์กระบวนการทำงานของกลุ่มเพื่อประสิทธิภาพและคุณภาพของการทำงานร่วมกัน      ในส่วนที่ต่างกันนั้นมักจะเป็นความแตกต่างในเรื่องของวิธีการจัดกลุ่ม  วิธีการในการพึ่งพากัน  วิธีการทดสอบ    กระบวนการในการวิเคราะห์กลุ่ม บรรยากาศของกลุ่ม โครงสร้างของกลุ่ม บทบาทของผู้เรียน ผู้นำกลุ่มและครู


อ้างอิง


https://sites.google.com/site/muttanatumoon/kar-cadkar-reiyn-kar-sxn-baeb-tgt

วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Game Online

ที่มารูปภาพ: http://www.juropy.com/wp-content/uploads/2012/11/CS2.jpg
 
 
                     Game Online หมายถึง วีดีโอเกมส์ที่เล่นบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยที่ในการเล่นเกมส์ออนไลน์สามารถเล่นกับผู้เล่นคนอื่นได้เยอะมากมาย ซึ่งในปัจจุบันเกมส์ออนไลน์ถูกพัฒนาขึ้นมาให้มีภาพกราฟฟิกสวยงามน่าเล่นมาก

Edutainment

ที่มารูปภาพ: http://my.kapook.com/imagescontent/picture/655/b_17604_8246.jpg
                       Edutainment หรือ การเรียนรู้เเบบศึกษาบันเทิง หมายถึง การผสมผสานมัลติมีเดียมาใช้ในการเรียนการสอน ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของการรวบรวมมัลติมีเดียมาใช้คือ เพื่อความบันเทิง เพื่อความสนุกสนาน เเละเพื่อสร้างเเรงจูงใจให้กับผู้เรียนในรายวิชานั้น

E-Learning / Learning Management System / M-Learning

  


ที่มารูปภาพ: http://3.bp.blogspot.com/--lrNF7s7hUs/UA1EmF_
Q7mI/AAAAAAAAAFE/wOQjoopd4-o/s1600/final_88_globe_e-learning.jpg
            E-Learning คือ การเรียน การสอนในลักษณะ หรือรูปแบบใดก็ได้ ซึ่งการถ่ายทอดเนื้อหานั้น กระทำผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซีดีรอม เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต หรือ ทางสัญญาณโทรทัศน์ หรือ สัญญาณดาวเทียม (Satellite) ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งการเรียนลักษณะนี้ได้มีการนำเข้าสู่ตลาดเมืองไทยในระยะหนึ่งแล้ว เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอนด้วยซีดีรอม, การเรียนการสอนบนเว็บ (Web-Based Learning), การเรียนออนไลน์ (On-line Learning) การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ การเรียนด้วยวีดีโอผ่านออนไลน์ เป็นต้น

ที่มารูปภาพ: http://us.123rf.com/400wm/400/400/alexmillos/
alexmillos1205/alexmillos120500070/13785101-e-learning-
concept-cursor-illustration-design-over-white.jpg
                 Learning Management System หรือระบบการจัดการเรียนรู้ เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่บริหารจัดการเรียนการสอนผ่านเว็บ จะประกอบด้วยเครื่องมืออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สอน ผู้เรียน ผู้ดูแลระบบ โดยที่ผู้สอนนำเนื้อหาและสื่อการสอนขึ้นเว็บไซต์รายวิชาตามที่ได้ขอให้ระบบ จัดไว้ให้ได้โดยสะดวก ผู้เรียนเข้าถึงเนื้อหา กิจกรรมต่าง ๆ ได้โดยผ่านเว็บ ผู้สอนและผู้เรียนติดต่อ สื่อสารได้ผ่านทางเครื่องมือการสื่อสารที่ระบบจัดไว้ให้ เช่น ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ห้องสนทนา กระดานถาม - ตอบ เป็นต้น นอกจากนั้นแล้วยังมีองค์ประกอบที่สำคัญ คือ การเก็บบันทึกข้อมูล กิจกรรมการเรียนของผู้เรียนไว้บนระบบเพื่อผู้สอนสามารถนำไปวิเคราะห์ ติดตามและประเมินผลการเรียนการสอนในรายวิชานั้นอย่างมีประสิทธิภาพ


ที่มารูปภาพ: http://www.easyauthoring.com/blog/wp-content/
uploads/2011/07/Mobile-learning-platforms.jpg
                 M-Learning m-Learning (mobile learning) คือ การจัดการเรียนการสอนหรือบทเรียนสำเร็จรูป (Instruction Package) ที่นำเสนอเนื้อหาและกิจกรรมการเรียนการสอนผ่านเทคโนโลยีไร้สาย (wireless telecommunication network) และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ผู้เรียนสามารถเรียนได้ทุกที่และทุกเวลา โดยไม่ต้องเชื่อมต่อโดยใช้สายสัญญาณ ผู้เรียนและผู้สอนใช้เครื่องมือสำคัญ คือ อุปกรณ์ประเภทเคลื่อนที่ได้โดยสะดวกและสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์โดยไม่ต้องใช้สายสัญญาณแบบเวลาจริง ได้แก่ Notebook Computer, Portable computer, Tablet PC, Cell Phones ในการจัดกิจกรรมการเรียนการ สอน อุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนการสอนแบบ M-Learning การจัดการเรียนการสอนแบบ m-Learning นั้น ผู้เรียนต้องใช้อุปกรณ์แบบติดตามตัวหรือเคลื่อนไปได้โดยสะดวก (mobile devices) ซึ่งอุปกรณ์แต่ละประเภทมีความสามารถ มีขนาดและราคาที่แตกต่างกันไป อุปกรณ์เคลื่อนที่ที่สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการเรียนการสอนแบบ  Notebook computers เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาได้

ที่มา: http://www.netthailand.com/home/articles.php?art_id=12&start=1
         https://sites.google.com/site/thpthmchkhm8/hlak-kar-reiyn-ru-khxng-e-lernimg-u-learning-m-learning

***สรุป

E-Learning >>> เป็นการเรียนการสอนที่นำมาไว้ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต(เอกสารที่ถูกอัพไว้ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต)
Learning Management System >>>  เป็นซอฟต์เเวร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจัดการกับการเรียนการสอน เเบบออนไลน์ โดยที่ทั้งผู้เรียนเเละผู้สอนสามารถที่จะติดต่อสื่อสารกันผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตได้ด้วย
M-Learning >>> เป็นการจัดการเรียนการสอนบนเครือข่ายไร้สายเเละต้องมีอุปกรณ์ไร้สาย เคลื่อนที่ได้เเละสามารถที่จะเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้

สารานุกรมออนไลน์

ที่มารูปภาพ: http://www.judzeed.com/upload_jet/article/2012117_56584.jpg
                      สารานุกรมออนไลน์ หมายถึง ข้อมูลที่เป็นการรวบรวมข้อมูลทั้งเเบบทั่วไปเเละเเบบที่เป็นเฉพาะเจาะจงเป็นเฉพาะเรื่อง เรื่องใดเรื่องหนึ่ง เเละถูกจัดเก็บรวบรวมไว้ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อที่จะสามารถเผยเเพร่เเละให้ผู้อื่นสามารถที่จะค้นคว้าหาความรู้ที่ถูกเก็บไว้ได้โดยง่าย
***โดยที่สารานุกรมออนไลน์ มีเเทบครบทุกภาษาเลย

Webboard / Internet forum

ที่มารูปภาพ: http://1.bp.blogspot.com/_C0ikHcBz-Ec/TUkS1o0HtSI/AAAAAAAAAJs/wbpXgxHb-kA/s1600/blog5.jpg
                          Webboard / Internet forum หมายถึง เว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการสนทนาเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างๆในเรื่องที่สนใจร่วมกัน ผ่านทางกระทู้ที่ถูกตั้งขั้นบนกระดานสนทนา

Web search engine

ที่มารูปภาพ: http://2.bp.blogspot.com/-EHsBwr6URss/UGRdrrtE12I/AAAAAAAAALQ/ppAfeNM67CI/s1600/Clip.jpg
                    Web search engine คือ โปรเเกรมที่ใช้ในการค้นหาข้อมูล โดยข้อมูลที่ถูกเรียกขึ้นมาจะได้มาจากระบบการรวบรวมไว้ในเว็บไซต์เเละเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งการทำงานของWeb search engineจะคล้ายกับWeb google

File Transfer Protocol: FTP

ที่มารูปภาพ: http://multimedia.journalism.berkeley.edu/media/upload/tutorials/icons/large/ftp_made_simple-main.jpg
                 File Transfer Protocol: FTP เป็นโปรโตคอลมาตรฐานในอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการแลกเปลี่ยนไฟล์ ระหว่างคอมพิวเตอร์บนอินเตอร์เน็ต คล้ายกับ Hypertext Transfer Protocol (HTTP) ที่ใช้ในการส่งเว็บเพ็จและไฟล์ที่เกี่ยวข้อง และ Simple Mail Transfer Protocol (SMPT) ที่ใช้ส่งผ่าน e-mail ซึ่ง FTP เป็นโปรโตคอลประยุกต์ที่ใช้โปรโตคอล TCP/IP โดย FTP ใช้ในการส่งไฟล์เว็บเพจจากแหล่งที่เก็บไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยแสดงฐานะเป็นเครื่องแม่ข่าย สำหรับทุกคนบนอินเตอร์เน็ต และนิยมใช้ในการ download โปรแกรมและไฟล์มายังเครื่องคอมพิวเตอร์จากเครื่องแม่ข่ายอื่น

ที่มา: http://www.dstd.mi.th/board/index.php?topic=474.0

E-MAIL

ที่มารูปภาพ: http://www.cybertek.co.za/images/email_hosting_img1.jpg 
 
                      E-mail หรือ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง จดหมายที่ใช้ส่งเพื่อสื่อสารกันผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งจดหมายที่ใช้รับส่งกันนั้นสามารถที่จะเเนบข้อมูลเเบบที่เป็นไฟล์ได้ด้วย ประโยชน์ของการใช้งานจดหมายอิเล็กทรอนิกส์นี้ก็เพื่อความรวดเร็ว ลดการใช้กระดาษ  ความสะดวกเเละความรวดเร็วในการรับส่งจดหมาย

E-Commerce

ที่มารูปภาพ: http://www.balahave.com/wp-content/uploads/2011/05/Ecommerce.jpg
                    E-Commerce หรือ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้เเก่ อินเทอร์เน็ต เเละระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น การทำธุรกิจ(ซื้อ-ขายสินค้า) การทำธุรกรรมการเงิน(โอนเงิน, การจ่ายเงิน) ซึ่งการทำธุรกรรมเเบบนี้จะช่วยให้ลดความเสี่ยงในการลงทุน มีความรวดเร็วในการทำธุรกรรม เเละเพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้อีกด้วย

INTERNET/INTRANET

ที่มารูปภาพ: http://i.technet.microsoft.com/dynimg/IC375976.jpg

                  อินเทอร์เน็ต (Internet) หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ที่มีการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลายๆ เครือข่ายทั่วโลก โดยใช้ภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โพรโทคอล (Protocol) ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ในหลายๆ ทาง อาทิเช่น อีเมล เว็บบอร์ด และสามารถสืบค้นข้อมูลและข่าวสารต่างๆ รวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใช้ได้
                  อินทราเน็ต (Intranet) คือ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบภายในองค์กร ใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ในการใช้งานอินทราเน็ตจะต้องใช้โพรโทคอล IP เหมือนกับอินเทอร์เน็ต สามารถมีเว็บไซค์และใช้เว็บเบราว์เซอร์ได้เช่นกัน รวมถึงอีเมล ถ้าเราเชื่อมต่ออินทราเน็ตของเรากับอินเทอร์เน็ต เราก็สามารถใช้ได้ทั้ง อินเทอร์เน็ต และ อินทราเน็ต ไปพร้อม ๆ กัน แต่ในการใช้งานนั้นจะแตกต่างกันด้านความเร็ว ในการโหลดไฟล์ใหญ่ ๆ จากเว็บไซต์ในอินทราเน็ต จะรวดเร็วกว่าการโหลดจากอินเทอร์เน็ตมาก ดังนั้นประโยชน์ที่จะได้รับจากอินทราเน็ต สำหรับองค์กรหนึ่ง คือ สามารถใช้ความสามารถต่าง ๆ ที่มีอยู่ในอินเทอร์เน็ตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ที่มา: http://th.wikipedia.org/wiki
***สรุป อินเทอร์เน็ตเป็นการเชื่อมต่อในเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่ สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ทั้งเเบบหลายเครือข่ายเเละเเบบทางไกล เเต่อินทราเน็ตจะเป็นการเชื่อมต่อเเค่ในเครือข่ายเดียว เเละมันจะใช่ร่วมกันเเค่ภายในองค์กรเท่านั้น

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความหมายและอธิบาย Hardware, Software และ Peopleware


ที่มารูปภาพ: http://theerawatyim.wordpress.com/

Hardware >>>
                คือ อุปกรณ์หรือส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ที่เราสามารถมองเห็นเเละสัมผัสได้ (เป็นรูปธรรม) ทั้งที่เป็นส่วนรับเข้า (เช่น เเป้นพิมพ์ เม้าส์ เป็นต้น) ส่วนส่งออก (เช่น จอภาพ เครื่องปริ๊นเตอร์ เป็นต้น) เเละส่วนที่เป็นการประมวลผล (เช่น ฮาร์ดดิส การ์ดจอ เป็นต้น)

 
 

ที่มารูปภาพ: http://www.getmesoftware.com/Industries/Software.aspx


Software >>> คือ โปรแกรมต่างๆที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อส่งงานให้กับคอมพิวเตอร์ทำงาน ซึ่งใน Software นี่ก็จะรวมถึงระบบปฏิบัติการต่างๆด้วย

ที่มารูปภาพ: http://jaylokaaaa.blogspot.com
/2010/08/pesquisa-conceitos-da-informatica.html
 
Peopleware >>>

คือ บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะถูกเเบ่งเป็นประเภทง่ายๆตามหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ได้ 4 ประเภท ดังนี้ ผู้จัดการระบบ (ผู้วางนโยบายการใช้คอมพิวเตอร์), นักวิเคราะห์ระบบ (ผู้ที่ศึกษาระบบงานเดิมหรืองานใหม่และทำการวิเคราะห์ความเหมาะสม เพื่อให้โปรแกรมเมอร์เป็นผู้เขียนโปรแกรมให้กับระบบงาน), โปรแกรมเมอร์ (ผู้เขียนโปรแกรมสั่งงานเครื่องคอมพิวเตอร์) และผู้ใช้ (ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไป)




วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความหมายเเละอธิบาย GPRS, 3G และ GPS


ที่มาของภาพ: http://laritait.blogspot.com/2013_05_01_archive.html





GPRS >>> เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจากอุปกรณ์สื่อสารเเบบไร้สาย ซึ่งความเร็วของการรับ-ส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตก็ยังไม่เร็วมากนัก โดยส่วนใหญ่เเล้ว GPRS มักจะใช้ร่วมกับโทรศัพท์มากกว่า


ที่มารูปภาพ : http://www.deedeejang.com/11/11180.html







3G >>> เป็นยุคดิจิตอล คือ จะใช้กับโทรศัพท์ไร้สายดิจิตอลเเละอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดยที่ 3G ถูกพัฒนามาจาก 2G เพียงเเต่เพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้มีความเร็วมากขึ้นกว่าเดิม






ที่มารูปภาพ: http://www.hongkiat.com/blog/conserve-smartphone-battery-life/


GPS >>> เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการค้นหาตำเเหน่งจากดาวเทียม เเละการนำทาง(มีทั้งการบรรยายเสียงด้วย) โดยในปัจจุบันการใช้ GPS มีทั้งที่ใช้ในโทรศัพท์มือถือ ในคอมพิวเตอร์ เเละในรถยนต์ อีกทั้งในการใช้ GPS ยังมีทั้งที่เป็นเเบบออฟไลน์เเละออนไลน์ด้วย ซึ่งคุณสมบัติในส่วนนี้จะช่วยในกรณีที่ไม่สามารถที่จะเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในขณะนั้นด้วยนั่นเอง
คำศัพท์ITวันนี้...

ที่มาของภาพ: http://www.rsutv.tv/userfiles/images/itclick.jpg 
 
Web page...คือ ข้อมูลสารสนเทศ ทั้งเเบบที่เป็นเอกสาร รูปภาพ เสียง มัลติมีเดียต่างๆ เเละบทความต่างๆ ที่ถูกรวมไว้บนอินเทอร์เน็ต โดยจะเขียนด้วยภาษา HTML
 
Web Site...คือ การรวมรวมข้อมูลสารสนเทศหลายๆหน้าเข้าด้วยกัน
 
Homepage...คือ หน้าเเรกของเว็บไซต์ที่บอกว่าในเว็บไซต์นี้มีอะไรบ้าง
 
Upload...คือ การโอนย้ายไฟล์ข้อมูล ทั้งจากที่ย้ายจากคอมพิวเตอร์ไปยังคอมพิวเตอร์ เเละจากคอมพิวเตอร์ไปไว้บนพื้นที่อินเทอร์เน็ต
 
Download...คือ การโอนย้ายข้อมูลซึ่งจะคล้ายๆกับการUpload เพียงต่างกันตรงที่การDownloadเป็นการย้ายข้อมูลเข้ามาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์
 
Browser...คือ การค้นหาข้อมูลที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ต ทั้งการบันทึกข้อมูลที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ต
 
Mbps...คือ หน่วยที่ใช้วัดอัตราความเร็วในการส่งหรือรับข้อมูลต่อ 1 วินาที ซึ่งหมายถึงหนึ่งล้านบิตต่อวินาที
 
Html...คือ ภาษาที่ใช้ในการเขียน Web Site
 
Php...คือ ภาษาคอมพิวเตอร์จำพวก scripting language ภาษาจำพวกนี้คำสั่งต่างๆจะเก็บอยู่ในไฟล์ที่เรียกว่า script และเวลาใช้งานต้องอาศัยตัวแปรชุดคำสั่ง ตัวอย่างของภาษาสคริปก็เช่น JavaScript , Perl เป็นต้น
 
Asp...คือ โปรแกรมที่ทำงานบนเครื่อง Web server เรียกว่าเป็นการทำงานแบบ Server Side  พัฒนาโดยบริษัทไมโครซอฟท์ ประโยชน์ของ ASP ใช้สำหรับสร้างงาน(application)ขั้นสูง ในอินเตอร์เน็ต-อินทราเน็ต ช่วย เสริมการทำงานที่ไฟล์ HTML ธรรมดาทำไม่ได้ หรือต้องการให้งานต่างๆเป็นไปอย่างอัตโนมัติโดยผู้ใช้ไม่ต้องทำการปรับปรุงข้อมูลเอง หรือเรียก DHTML (Dynamic HTML)  คือ เป็นเว็บเพจที่สามารถเปลี่ยนแปลงลักษณะต่าง ๆ ได้นั้นเองที่มา: http://www.mindphp.com

Html 5 ...คือ ภาษามาร์กอัป ที่ใช้สำหรับเขียน website  ซึ่ง HTML5 นี้เป็นภาษาที่ถูกพัฒนาต่อมาจากภาษา HTML และพัฒนาขึ้นมาโดย WHATWG (The Web Hypertext Application Technology Working Group) โดยได้มีการปรับเพิ่ม Feature หลายๆอย่างเข้ามาเพื่อให้ผู้พัฒนาสามารถใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ที่มา: http://www.mindphp.com

Web Application...คือ โปรแกรมประยุกต์ที่เข้าถึงด้วยโปรแกรมค้นดูเว็บผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อย่างอินเทอร์เน็ตหรืออินทราเน็ต
ที่มา: http://errerbot-webapplication1.blogspot.com/2011/12/web-application-1.html
 
 


วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

คอมพิวเตอร์เเละเทคโนโลยีสารสนเทศ

คอมพิวเตอร์เเละเทคโนโลยีสารสนเทศ
 
คอมพิวเตอร์
            คอมพิวเตอร์ หมายถึง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นมา เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานให้กับมนุษย์ ทั้งในด้านของการประหยัดเวลาที่ใช้ในการประมวลผล เเละในด้านของทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ดังจะเห็นได้จากการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการคำนวณเเละประมวลผลข้อมูลต่างๆ อีกทั้งยังใช้ในการเก็บรวบรวม เเละจัดเก็บข้อมูลด้วย เพื่อไม่ให้เกิดการศูนย์หายเเละเป็นการสิ้นเปลื้องทรัพยากรธรรมชาติด้วย
    - ชนิดของคอมพิวเตอร์ > ตั้งเเต่อดีตจนถึงปัจจุบันคอมพิวเตอร์ถูกพัฒนาขึ้นมา โดยเริ่มตั้งเเต่รุ่นของ Supercomputer เเละพัฒนาต่อมาเรื่อยๆ เพื่อให้มีความสามารถที่มากขึ้น เเละมีขนาดที่เล็กลงเรื่อยๆ เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน เเละการพกพาคอมพิวเตอร์นั่นเอง
เทคโนโลยีสารสนเทศ
            เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง การนำเทคโนโลยีมาช่วยในการจัดการ จัดระบบ เเละรวบรวมข้อมูลสารสนเทศ (สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลต่างๆที่ถูกรวบรวมเเละจัดเก็บไว้) ให้รวบไว้อย่างเป็นระบบ เเละสามารถที่จะดึงมาใช้งานได้อย่างง่ายดาย

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศเเละการสื่อสาร

 


ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศเเละการสื่อสาร
       เทคโนโลยีสารสนเทศเเละการสื่อสาร หมายถึง การนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาช่วยในการสร้างหรือจัดการกับข้อมูลสารสนเทศต่างๆอย่างเป็นระบบ เเละข้อมูลสารสนเทศที่นำมาใช้จะเป็นข้อมูลข่าวสารต่างๆที่เกิดขึ้น

อ้างอิง:https://sites.google.com/site/kruyutsbw/khwam-hmay

ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์เเละอินเทอร์เน็ต


ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์เเละอินเทอร์เน็ต
1.ใช้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่เราจะนำมาปฎิบัติงาน
2.ใช้ติดต่อสื่อสารกัน (ช่วยย่อโลกให้เล็กลง)
3.ใช้ในการหางาน (เป็นช่องทางในการหาตำเเหน่งงาน)
4.ใช้ในการศึกษาสิ่งที่เราสนใจเพิ่มเติม
5.ใช้ในการติดตามข่าวสารบ้านเมือง
6.ใช้ในการเเสดงความคิดเห็น หรืออกเสียง (การเเสดงตัวคัดค้าน พรบ.นิรโทษกรรม)
7.ใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆ (การโอนเงินออนไลน์)
8.ใช้ในการทำธุรกิจ (ร้านค้าออนไลน์)
9.ใช้ในการนำความรู้ต่างๆมาพัฒนาศักยภาพของตัวเอง
10.ใช้เพื่อผ่อนคลาย เเละความบันเทิง